บล็อกใหม่เปิดแล้วครับ
แนวคิดของ iced.grande.tea — and a story a day
เป็นการเล่าเรื่องธรรมดา ในวันธรรมดา สำหรับคนธรรมดา ตามที่ได้เห็น ฟัง ชิม สัมผัส และคิดอยู่ในสมอง
เผื่อใครสนใจ ฝากเอาไว้ด้วย
ที่เหลืออีกสองสามอัน จะตามมาเร็วๆ นี้
บล็อกใหม่เปิดแล้วครับ
แนวคิดของ iced.grande.tea — and a story a day
เป็นการเล่าเรื่องธรรมดา ในวันธรรมดา สำหรับคนธรรมดา ตามที่ได้เห็น ฟัง ชิม สัมผัส และคิดอยู่ในสมอง
เผื่อใครสนใจ ฝากเอาไว้ด้วย
ที่เหลืออีกสองสามอัน จะตามมาเร็วๆ นี้
ซื้อมาใช้ได้ซักประมาณ 3 สัปดาห์ได้แล้วครับ สำหรับ Scotch Paper Cutter จากค่าย 3M
เห็นแล้วก็ต้องทึ่งกับความช่างคิดประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ของค่ายนี้ — เป็นคัตเตอร์แบบพิเศษที่ไม่บาดมือ เหมาะสำหรับใช้ตัดกระดาษประเภทต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว
วิธีใช้ก็แค่สอดกระดาษเข้ากับปลายของ Scotch Paper Cutter แล้วก็จับเลื่อนไถไปในทิศทางที่ต้องการตัด มีเส้นวัดอยู่ปลายด้ามเพื่อให้เราสามารถตัดกระดาษได้ตรง ใบมีดด้านในที่ซ่อนเอาไว้คมมาก ตัดกระดาษได้เรียบสวยงามครับ ยกเว้นก็แต่กระดาษที่บางมากๆ ตัดแล้วจะเป็นรอยหยักไม่สวย วิธีแก้ก็ต้องใช้มือช่วยกดไว้ด้านนึงตอนเริ่มตัด ถ้าเริ่มได้ดี ก็ตัดได้สบายครับ ส่วนพวกกระดาษปกติทั่วไป ไม่มีปัญหาในการใช้งาน
ผมซื้อไว้ 2 ด้าม ด้ามนึงไว้ที่บ้าน อีกด้ามไว้ที่รถ เพราะปกติจะตัดบทความจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารออกมาเก็บไว้บ่อยๆ ส่วนใครจะเอาไปใช้ทำอย่างอื่นก็ได้ครับ แทนคัตเตอร์ได้ในหลายกรณี และก็ดีมากสำหรับให้เด็กๆ ใช้ทำงานฝีมือ เพราะไม่ต้องกลัวมีดบาด
ผมซื้อมาจาก B2S ครับ — ไม่รู้ว่าวางขายเมืองไทยนานรึยัง เพิ่งเห็นเมื่อเดือนก่อน ราคาถ้าจำไม่ผิดน่าจะแปดสิบกว่าบาทครับ
เงินเดือนหามาเท่าไร หมดไปกับหนังสือซะส่วนใหญ่ครับ
50% เป็นหนังสือการ์ตูน ; 30% เป็นพ็อกเก็ตบุ๊ก ; 20% หนังสือพิมพ์และนิตยสาร
หมดเงินไปไม่เท่าไร แต่ที่บ้านแทบจะไม่มีที่วางหนังสืออยู่แล้ว ซึ่งทางออกท้ายสุดก็คือ การขนหนังสือไปบริจาค — เป็นแนวทางที่บ้านของผมอยากให้ผมเลือกมาที่สุด
แต่นั่นไม่ใช่ทางออกสุดท้าย อย่างน้อยก็ ณ เวลานี้
ทำใจไม่ได้ครับ ไม่ได้ว่าหวงเพราะอยากอ่านคนเดียว แต่กลัวว่าหนังสือที่ผมรัก มันจะได้ใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าและไม่ยาวนานอย่างที่ต้องการ คนอื่นจะอ่านแล้ววางทิ้งๆ ขว้างๆ มั้ย? จะอ่านแล้วทำหนังสือยับจนรับไม่ได้รึเปล่า?
อย่าว่ากันเลยครับ หลายคนบ้ารถยนต์ หลายคนบ้าเครื่องเสียง หลายคนบ้าฟุตบอล
แต่ผมบ้าหนังสือ ไม่ได้อ่านไม่ว่า แต่ขอให้ได้ซื้อไว้ก่อนเป็นพอ
ไม่ได้จะแวะมาบ่นเรื่องหนังสือ แต่บังเอิญไปเจอชั้นวางหนังสือแปลกๆ ก็เลยเผลอนอกเรื่องไปนิด ตามประสาคนที่มองหาที่เก็บหนังสืออยู่ตลอดเวลา
ชวนไปงาน “สัปดาห์หนังสือ” ที่ DoubleA Book Tower ถนนสาทรครับ (ตรงข้าม รพ. เซนต์หลุยส์)
งานมีถึงวันที่ 7 กันยายน 2551 ใครชอบอ่านหนังสือ ต้องบอกว่า คุ้มค่ามาก
.. เพราะงานนี้ลดแบบจริงๆ ไม่มีกั๊ก 30-70 เปอร์เซ็นต์
เรียกว่า ลด “มากกว่า” งานสัปดาห์หนังสือหรือมหกรรมหนังสือไหนๆ
หนังสือใหม่ที่ผมเพิ่งซื้อไปจาก SE-ED เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เห็นแล้วช้ำใจจริงๆ ครับ
แต่ก็เหมาหนังสือไปได้ 3,500 บาท .. วันอาทิตย์ว่าจะไปอีก เพราะวันเสาร์เดินได้แค่ 2 ชั่วโมง
ใครมีซิมทรูมูฟ ติดไปด้วย จะได้กระดาษโน้ตมากล่องนึง ; มีบัตรสแตนดาร์ด รู้สึกว่าได้กระเป๋ามั้งครับ ; บัตร BTS ก็มีของแจกเหมือนกัน ; ซื้อครบ 1,000 บาท มีของแจกเล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วย
แล้วก็มีโปรโมชันสมัคร Smart Purse ในงาน ราคา 500 บาท ได้รับเงินเต็ม 500 บาท (ไม่เสียค่าบัตร) และก็จะได้เงินคืน 10% เข้าบัตร แต่ไม่เกิน 50 บาท ก็เรียกว่า คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากได้บัตรสมาร์ทเพิร์สอยู่แล้ว .. แต่ผมไม่สน +_+
หนังสือไม่มีห่อปกให้นะครับ และก็ไม่มีขายปกด้วย ถือว่าได้ลดแล้ว 30% อย่างต่ำ
มีประเภทลด 50-70% ให้เห็นกันทุกชั้น หรือ 75% ก็ยังมีครับ (ซื้อ 4 จ่าย 1)
ไปเร็วๆ กันหน่อยนะครับ เพราะดูท่าว่าหนังสือจะไม่พอขาย แต่ยืนยันว่า หนังสือใหม่เอี่ยมเพิ่งออก มีให้เลือกกันจุใจแน่นอน
อย่างของผมได้ประวัติศาสตร์โลก กับประวัติศาสตร์เอเชียมา รองานหนังสือมา 3 ปี สำนักพิมพ์ลดไม่เคยเกิน 20% แต่ที่นี่ลด 30% เลยคว้ามาเลย
แต่ละวันก็มีกิจกรรมต่างกันไปครับ แวะไปดูได้ที่ http://www.doubleabooktower.com/NewsPromotion/news_popup.aspx?ID_news=148
วันเสาร์ไปมา มีเด็กจากอัสสัมชัญมาร้องเพลง ร้องเพราะนะครับ แต่ดันร้องเพลงร็อค เสียงดังมาก รำคาญหู เพราะต้องใช้สมาธิในการเลือกหนังสือ มีคนบ่นกันเพียบ .. นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำอะไรซักอย่างโดยที่ไม่เข้าใจคนอ่านหนังสือ
ดูท่าว่าถ้า DoubleA จัดบ่อยๆ .. สงสัยงานหนังสือจะแย่ครับ ส่วนผู้บริโภคก็ยิ้ม
แต่ท่าทาง DoubleA อาจจะเข้าเนื้อ หรือไม่ค่อยได้กำไร อาจจะเหลือ 5% มั้ง ไม่แน่ใจ ขนาดการ์ตูนยังลดเลยครับ 30% หมดทุกค่าย เห็นแล้วตัวสั่นเลย ..
รู้แต่ว่า งานนี้คนรู้จัก DoubleA Book Tower เยอะขึ้นแน่นอน
ปล. ซื้อหนังสือเสร็จ ถ้าเมื่อย ก็แวะ Health Land ข้างๆ นวดตัวกันต่อได้เลยครับ
แวะไป B2S สาขาเซ็นทรัลเวิร์ลด์มาหลายรอบ เหตุผลก็เพราะเซ็นทรัลชอบโฆษณาว่า เป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุด
.. ซึ่งความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ..
บรรยากาศพอไหวครับ แต่จัดหนังสือยังไม่ดีเท่าไร ปกติไปแบบไม่ตั้งใจหาหนังสือ คือ เดินผ่านๆ แล้วก็เลือกหยิบอ่านเลือกซื้อตามที่เห็น ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา ทำให้ก่อนหน้านี้เจอเรื่องกวนใจเพียงอย่างเดียวคือ จำนวนเคาเตอร์คิดเงินมีน้อยเกินไป .. ร้านตั้งใหญ่ มีอยู่แค่ 3 เครื่อง ผมก็ไม่ทราบว่าคนที่คิดหรือตระเตรียมเรื่องนี้ เอาอัตราส่วนอะไรเป็นตัวกะประมาณ ไปทุกครั้ง ต้องเจอคนรอต่อคิวกันยาว น่ารำคาญมาก
ปกติก็จะทนรำคาญด้วยการยืนอ่านหนังสือรอไปพลางๆ
แต่วันนี้เจอสิ่งที่น่ารำคาญใจมากกว่า เพราะไปแบบตั้งใจหาซื้อหนังสือ 7-8 เล่ม เช่น ประวัติต้นรัชกาลที่ 6, ทำไมผู้ชายถึงมีนม, ฉันยังมีขาอีกข้างหนึ่ง ฯลฯ
ถึงเพิ่งจะรู้ว่า สิ่งที่คิดไว้ก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องจริง คือ B2S เป็นร้านหนังสือที่ขายโดยคนที่ไม่รู้จักหนังสือและไม่รักหนังสือ .. ไม่เฉพาะสาขานี้ แต่รวมไปถึงสาขาอื่นๆ ด้วย
วันนี้ผมถามหาหนังสือหลายเล่ม พนักงานไม่ทราบ ไม่คุ้น ทั้งที่เป็นหนังสือไม่ได้ใหม่ .. อันนี้พอเข้าใจว่าอาจจะต้องเจอกับหนังสือจำนวนมาก แต่พอหาในคอมพิวเตอร์แล้ว พาไปค้นหาที่ชั้นหนังสือ ก็ยังหาไม่เจอ .. แล้วก็รีบตัดบทว่า
“ไม่มี .. หมดแล้ว” .. บ้าหรือครับ?? ผมยังมองเห็นอยู่ตรงหน้าแท้ๆ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เจอเรื่องนี้ที่สาขานี้ ก็เลยอดใจไม่เขียนถึงไม่ได้
กลับมาจากเซ็นทรัลเวิร์ลด์ก็เลยแวะ SE-ED ที่โลตัสพระราม 3 .. หาหนังสือเล่มหนึ่ง คือ “ปฏิบัติการ 485 วัน ปิยสวัสดิ์ …” เป็นหนังสือเกี่ยวกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศ หาไม่เจอเหมือนกัน แต่พนักงาน 3 คนก็ยังง่วนกันแบบสาละวนช่วยกันหานานกว่า 10 นาที จนผมบอกว่า ไม่เป็นไร เพราะเห็นใจ ท้ายสุดยังมีการขอเบอร์โทรกับชื่อของผมตบท้าย บอกว่า พรุ่งนี้จะช่วยกันหาให้ใหม่
เป็นความแตกต่างโดยสิ้นเชิง .. เป็นความแตกต่างที่ไม่มีที่ B2S
ปล. ความเห็นส่วนตัวเห็นว่า พนักงาน SE-ED ส่วนใหญ่รู้จักหนังสือดีกว่าพนักงานของ B2S .. ใครเห็นแตกต่าง เล่าให้ฟังบ้างนะครับ ต่างกรรมต่างวาระ อาจแตกต่างกันได้ไม่แปลก
ความคิดเห็นล่าสุด