มาประชาสัมพันธ์ โครงการแข่งขันพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2552 หรือ TEC 2009 ให้ทราบกันครับ
งานนี้จัดโดย ทรู คอร์ปอเรชัน เครือ เอ.อาร์ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมมือกันสามฝ่ายเพื่อกระตุ้นภาพรวมของอีคอมเมิร์ซในบ้านเราให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างนี้ ช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ถือว่าช่วยได้เยอะทีเดียวครับ
กติกาคร่าวๆ มีดังนี้:
- จับทีมผู้เข้าแข่งขันไม่เกิน 3 คน จะมาเดี่ยวหรือมาทีมก็ได้แล้วแต่ตามใจชอบ
- การแข่งขันมี 3 ระดับ คือ มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และบุคคลทั่วไป
- ค่าสมัคร 1,500 บาทต่อทีมสำหรับนักเรียนนักศึกษา และ 2,000 บาทต่อทีมสำหรับบุคคลทั่วไป
- บังคับเปิดใช้บริการ wetrust ระบบชำระเงินออนไลน์ของทรู ไม่มีค่าบริการรายเดือน แต่โดนหักเงินค่าธรรมเนียม 4.28% ของยอดขายที่เกิดขึ้นผ่าน wetrust เพื่อติดตามหาผู้ที่มียอดขายสูงสุด
- เปิดรับสมัครถึงวันที่ 31 มกราคม 2552
- เริ่มนับยอดขายกันตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2552
- ประกาศผลวันที่ 15 ตุลาคม 2552 และมอบรางวัลกันในงานคอมมาร์ตคอมเทคไทยแลนด์ 2009
เกณฑ์การรับรางวัล:
- ต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท สำหรับประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทอุดมศึกษา ; และไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท สำหรับประเภทมัธยมศึกษา
- ต้องมีผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน โดยนับจาก Unique IP
- จำนวนธุรกรรมต้องไม่ต่ำกว่า 100 รายการ สำหรับประเภทบุคคลทั่วไปและประเภทอุดมศึกษา ; และไม่ต่ำกว่า 50 รายการ สำหรับประเภทมัธยมศึกษา
- คิดคะแนนด้านนวัตกรรม โดยดูจากการจัดการเนื้อหา การเลือกแบบหน้าเว็บ และรูปแบบกิจกรรมต่างๆ
รางวัล:
- ทีมร้านค้ายอดเยี่ยมอันดับที่ 1
โล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เงินรางวัล 20,000 บาท (ต่อทีม)
ใบประกาศเกียรติคุณ (ต่อคน)
ทุนการศึกษาระดับ ป.ตรี และ ป.โท จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- ทีมร้านค้ายอดเยี่ยมอันดับที่ 2
โล่รางวัล ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เงินรางวัล 10,000 บาท (ต่อทีม)
ใบประกาศเกียรติคุณ (ต่อคน)
- ทีมร้านค้ายอดเยี่ยมอันดับที่ 3
โล่รางวัล ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เงินรางวัล 5,000 บาท (ต่อทีม)
ใบประกาศเกียรติคุณ (ต่อคน)
ถือเป็นโครงการที่น่าสนใจทีเดียวครับ ใครสนใจก็ตรงรี่ไปสมัครได้ที่ http://www.weloveshopping.com/uzone/index.php
ทีนี้ก็มาต่อด้วยบทวิจารณ์สไตล์ผมบ้าง ในฐานะที่ใกล้ชิดทั้งฝั่งเอแบค เอ.อาร์ และทรู (ที่เพื่อนซี้ผมดูแลโปรเจ็กต์นี้ด้วย)
งานนี้ตั้งเป้าเอาไว้ค่อนข้างเยอะครับ โดยคาดว่าจะมีคนมาสมัครประมาณ 1,000-1,500 ทีม คิดเอาเองว่า เหลือเวลาอีก 2 เดือน ถือเป็นเป้าที่ไม่น่าจะบรรลุได้เลย ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์บางอย่าง
แต่ที่ไม่ถูกใจก็คือ มีคราบธุรกิจปนเปื้อนมาเยอะไปนิดนึงครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่าสมัคร:
- ค่าสมัครต่อทีม 1,500 บาท ถ้าได้ตามเป้า 1,500 ทีม ทางทรูจะเก็บเงินได้ 2,250,000 บาท แต่รางวัลที่หนึ่งคือ 20,000 บาทต่อทีม??
- การผูกเงื่อนตายให้ต้องใช้ wetrust เพื่อชำระเงินนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะตรวจสอบได้ คือ ตรวจสอบว่ามีธุรกรรมเกิดขึ้นจริงหรือไม่ (แน่นอนว่าป้องกันกลโกงไม่ได้ทุกรูปแบบหรอกครับ ใครจะเอาญาติมาช่วยซื้อก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด) แต่ค่าธรรมเนียมที่คิดแบบเต็มอัตรา 4.28% นั้น ก็เป็นเงินอีกส่วนหนึ่งที่ทางทรูจะได้รับไปแบบเต็มๆ บนทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ เอาจำนวนทีมคูณจำนวนยอดขายแบบต่ำๆ ต่อทีมดูก็แล้วกันว่า ทรูจะได้เงินอีกเท่าไร .. และผมว่า ระบบ wetrust นั้นแม้จะดี แต่ก็ยุ่งยาก และคิดว่าจำนวนคนที่ใช้คงมีไม่มากเท่าไร ไม่ว่าจะในระยะยาวหรือระยะสั้นก็ตาม
ได้ยินโครงการนี้ทีแรก นึกว่าจะเป็นโครงการเพื่อจุดประกายให้คนหันมาสนใจอีคอมเมิร์ช อันนั้นผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะท้ายสุดในประเทศไทย ก็มีคนได้รับประโยชน์หลักๆ ไม่เกิน 2 ราย คือ Weloveshopping.com ของค่ายทรู และ Taradquickweb.com ของค่ายตลาดดอตคอม
จริงอยู่ที่ว่าค่าใช้จ่าย 1,500-2,000 บาทดังกล่าวนั้น รวมค่าสัมมนา 1.5 วัน และมีอบรมผ่านระบบอีเลิร์นนิ่งอีก 15 ชั่วโมง แต่ความคุ้มค่าที่ว่าคงเกิดขึ้นได้เฉพาะคนที่อยากรู้เรื่องอีคอมเมิร์ชจริงๆ เท่านั้น คือ ต้องมีการจุดประกายกันก่อนหน้านี้
และถ้ามองต้นทุนของทรูตามจริงแล้ว ต้นทุนค่าระบบ โดยใส่เพิ่มร้านค้าเข้าไปซักพันราย ไม่ได้ทำให้เกิดต้นทุนกับทรูมากมายเลย เพราะซอฟต์แวร์ก็มีอยู่แล้ว เซิร์ฟเวอร์ก็มีอยู่แล้ว เว้นแต่จะเป็นการคิดค่าใช้จ่ายแบบธุรกิจ คือ เก็บเงินทุกเม็ด ..
จึงไม่แปลกที่ผมมองว่างานนี้คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดน่าจะเป็น ทรู ..
- ได้โปรโมต weloveshopping.com
- ได้โปรโมต wetrust
- และสำคัญที่สุดคือ ได้เงิน
อีกอย่างหนึ่งที่ผมว่า ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรก็คือ ระยะเวลาในการแข่งขันครับ คือ ทำให้ดูยิ่งใหญ่ แข่งกัน 3 เดือน แต่ใช้เวลาทั้งปี ผมว่ามันจะเฉาและเบื่อซะก่อนถึงสิ้นปี มันดูขัดกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ซะเหลือเกิน
- ระยะเวลารับสมัครประมาณ 2-3 เดือน ถือว่าพอรับได้
- ระยะเวลาอบรม 7-8 ก.พ. 52 ก็เหมาะสมดีครับ
- แต่ช่วงการอบรมผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต 15 ชั่วโมง จะให้เวลากันทำไมตั้ง 2 เดือนเต็ม ตั้งแต่ 7 ก.พ. ถึง 30 เม.ย. 52 (เริ่มแข่งขันวันที่ 1 เม.ย. 52) เข้าใจว่าช่วงนี้คงรวมเวลาสร้างหน้าร้านบน weloveshopping.com ด้วย แต่ตามคำโฆษณาของทรู บอกไว้ว่า ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าร้านได้ในเวลาแค่ 10 นาที ฉะนั้นรวมกรอกข้อมูลด้วยก็ซักสองสามสัปดาห์ก็คงน่าจะพอแล้วครับ
- ใช้เวลาแข่งขัน 3 เดือนเต็ม ก็เหมาะสมดีครับ ไปจบเอาปลายเดือนมิถุยายน 2552
- แต่ที่รับไม่ได้แบบสุดๆ ก็คือ .. ประกาศผลกันวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ?? ไม่แน่ใจว่าใช้คนเอาเครื่องคิดเลขมานั่งบวกลบยอดขายกันทีละรายการหรือเปล่า ถึงต้องใช้เวลากันถึง 3.5 เดือนในการตัดสิน .. รอจนเบื่อเลยล่ะ
ที่เหลือก็ยังมีเรื่องของรางวัล ที่ผมว่าออกจะน้อยไปนิดนึงสำหรับงานระดับนี้ ; และก็เรื่องการใช้ยอดขายเป็นหลักในการวัดผล เพราะการเอาตัวเงินเป็นที่ตั้งหลัก โดยยึดปัจจัยอื่นเป็นปัจจัยรอง ผมว่ามันออกจะไม่เหมะสมเท่าไร เพราะเรื่องยอดขายมันก็แค่พิสูจน์อะไรได้แค่บางอย่างเท่านั้น
เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ มีหลักสูตรปริญญาโทของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (อย่าให้เอ่ยนามเลยว่าของใคร??) ด้านอีคอมเมิร์ซ บอกว่า จะใช้เกณฑ์ยอดขาย 1 ล้านบาท เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตว่าเด็กจะได้จบปริญญาโทหรือไม่ .. สลดใจจริงๆ ครับ
ถามว่า ยังเป็นโครงการที่น่าเข้าร่วมหรือไม่??
- ถ้าคุณอยากเรียนรู้เรื่องธุรกิจออนไลน์
- ถ้าคุณอยากลองเปิดร้านค้าแบบออนไลน์โดยไม่ต้องเสียเงินเยอะ
คำตอบคือ น่าเข้าร่วมครับ เพราะถ้าบวกรวมความรู้เข้าไปแล้ว มูลค่าที่ได้นั้น เรียกว่า คุ้มค่าทีเดียว แม้จะไม่ได้รับรางวัลเลยก็ตาม
ยังสนับสนุนและอยากชวนให้เข้าร่วมโครงการครับ แม้งานนี้จะมีหลายอย่างที่ไม่โดนใจผมไปบ้าง และแม้รู้ว่า ทรูได้รับประโยชน์ไปแบบเต็มๆ ก็ตาม!!
เพิ่มเติม: ตอนนี้มีการขยายเวลารับสมัครไปจนถึง 30 เมษายน 2552 แล้วครับ ยืดเวลารับสมัครออกไปอีก 3 เดือนเต็ม มีเวลาตัดสินใจนานขึ้น แต่ถ้าไม่ประชาสัมพันธ์ให้ต่อเนื่อง ก็คงจะเป็นระยะเวลาที่นานจนทำให้หลายๆ คนลืมไปแล้วว่าจะมีแข่งโครงการนี้ — เอาใจช่วยขอให้ไปได้ด้วยดีครับ