เหนื่อยใจเลยครับที่คนที่ได้ทำสัญญากับแอปเปิ้ลในการจำหน่าย Apple iPhone 3G กลายเป็น ทรูมูฟ .. ไม่ใช่ เอไอเอส
ไม่ใช่ว่า ทรูมูฟ ไม่ดีครับ แต่บังเอิญเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผมใช้อยู่นั้นเป็น เอไอเอส .. เหตุผลมีเท่านี้
ท่าทางว่ากว่าผมจะได้ใช้ไอโฟนจริงๆ ก็คงต้องรอให้ประเทศไทยเปิดให้มีการโอนเบอร์ข้ามระบบกันได้ ซึ่งก็คงรอกันเป็นชาติเหมือนกับ 3G และ WiMAX เช่นเคย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หงุดหงิดใจทุกครั้งที่เห็นโฆษณาประชาสัมพันธ์จาก กทช. พร้อมกับเหตุผลว่ากำลังศึกษาหรือกำลังขออนุญาต ?? จะทำกันซักกี่ปีก็ไม่ทราบ ??
รายละเอียดการจำหน่ายยังไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่าทางทรูมูฟได้ส่งอีเมล์ประชาสัมพันธ์ถึงสื่อมวลชนแบบสั้นๆ ส่วนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกซักพัก เพราะต้องรอสรุปในรายละเอียดกันก่อน แต่ตอนนี้ผูกปิ่นโตกันเรียบร้อยแล้วว่างั้นเถอะ
ท่าทางข่าวการระดมทุนครั้งใหญ่ของค่ายทรูมูฟกว่า 19,500 ล้านบาทสำหรับเครือข่ายทรีจีนั้น น่าจะสัมพันธ์กับการจำหน่ายแอปเปิ้ลไอโฟนในครั้งนี้
UPDATE: แอบได้ยินมาว่า
- แถลงข่าวอย่างเป็นทางการและราคานั้น รับรองว่าไม่นานเกินรอ เร็ววันนี้แน่นอน ไม่ต้องถึงปีหน้าครับ
- หลังจากเปิดตัวเสร็จ ซักพักนึงก็จะมีเครื่องแบบไม่ติดสัญญาออกมาตามด้วย
- เรื่องราคานั้นค่าโปรฯ แต่ละเดือน ก็ไม่สูงมาก (วงในบนห้อง Cafe – MBK ของ Pantip.com ระบุว่า ราคาหมื่นนิดๆ + ต่อเดือนพันนิดๆ)
- AIS & Dtac มาระบุว่า ราคาขายต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทนั้น เป็นราคาเครื่องแบบไม่ติดสัญญาครับ ฉะนั้นเครื่องติดสัญญากับทรูนั้น ถูกกว่านี้แน่นอน (http://www.posttoday.com/business.php?id=17362)
- แต่ราคาค่าเครื่องทำสัญญาที่ต้องจ่ายจะสูงกว่าอเมริกาเล็กน้อย แต่ไม่น่าเกลียดครับ (เกิน $199 เหรียญแน่นอน)
- ตอนนี้ผู้บริหารในทรูปิดปากกันเงียบสนิท เพราะโดนเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลเอาไว้ .. แอบแพลมๆ มาได้เท่านี้ครับ
UPDATE 2: แอบไปได้ยินมาอีกนิดนึงว่า (14 พฤศจิกายน)
- ช่วงเปิดตัวจะมีการเปิดตัว 3G ด้วยครับ ใน กทม. โซนเมืองชั้นใน มีใช้กันแน่นอน ความเร็วระดับบรอดแบนด์แท้ๆ
- สัญญาก็น่าจะประมาณ 2 ปีครับ อันนี้ปกติ เหมือนกับเมืองนอกทั่วไป
- วันเปิดตัว ไม่ใช่เดือน พ.ย. นี้ .. และก็ก่อนปีใหม่ครับ
UPDATE 3: แพลมมาอีกนิด (19 พฤศจิกายน)
- ผู้ซื้อหนึ่งคน น่าจะซื้อได้ไม่เกิน 4 เครื่อง
- บัตรเครดิตเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง
- คนที่อยากใช้ แต่อาจไม่ได้ใช้ และใช่ว่าคนที่ได้ใช้ จะได้ครอบครอง iPhone เลยในทันที
- จนถึง ณ วันนี้ แม้แต่ระดับบริหารของทรูมูฟ ก็ยังไม่รู้ราคาขายของ iPhone ยกเว้นตัวเลขกลมๆ .. จะรู้ก่อนวันจำหน่ายจริงเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
- หน้าโฆษณา Apple iPhone บน True Move ขึ้นออนไลน์แล้วที่ http://www.truemove.com/iphone/
- เอไอเอสและดีแทค ก็กำลังคุยกับแอปเปิ้ลอยู่เช่นกัน แต่เงื่อนไขที่แอปเปิ้ลตั้งเอาไว้ในลักษณะที่ขอเงินส่วนแบ่งจากค่าใช้บริการในแต่ละเดือนด้วยนั้น เป็นใครก็ทำใจรับได้ลำบาก ผู้ซื้อไม่ใช่โดนสัญญาทาสเพียงฝ่ายเดียว ผู้ให้บริการระบบฯ ก็โดนสัญญาทาสกับแอปเปิ้ลเช่นกัน .. สรุปงานนี้คนที่รวยที่สุดก็คือ แอปเปิ้ล
Update 4: (19 ธันวาคม 2551)
- เหตุการณ์ปิดสนามบิน ทำให้ทางแอปเปิ้ลไม่กล้าส่งเครื่องไอโฟนมาให้ เพราะหาบริษัทประกันไม่ได้
- ก่อนหน้านี้มีการจองสถานที่สำหรับจัดงานเปิดตัวใหญ่ไว้ในเดือนธันวาคม — แต่ยกเลิกหมดทุกอย่าง
- ตอนนี้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ มีขายแน่นอน สำหรับ iPhone 3G จากทรูมูฟ แต่คงไม่มีงานเปิดตัวใหญ่
- 3G ของทรูมูฟ ไม่ได้หลอกเด็กเหมือน AIS ที่เล่นได้เฉพาะใน Central World แน่นอน (แต่เป็นการดัดแปลงเทคโนโลยีอีกทีนึง เครือข่ายกว้างกว่า รวดเร็วใช้ได้)
- เบอร์สำหรับ Apple iPhone 3G — เป็นระดับ GOLD — ค่าเบอร์ก็คุ้มแล้ว!!
อีกหนึ่งอย่างที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ก็คือ แอปเปิ้ลได้เปิดร้านค้าออนไลน์ “Apple Store” สำหรับประเทศไทยเรียบร้อยแล้วที่ www.apple.com/th โดยเมนูคำสั่งต่างๆ ยังเป็นภาษาอังกฤษ แต่โปรโมชันนั้นออกแบบมาสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ สินค้าต่างๆ มีขายครบทุกอย่าง ตั้งแต่ไอพ็อดไปจนถึงแมคบุ๊คโปร เว้นก็แต่ไอโฟนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
รายละเอียดคร่าวๆ มีดังนี้ครับ:
- โปรโมชันสำหรับการสั่งสินค้าออนไลน์ผ่าน Apple Store ในช่วงตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ถึง 24 พฤศจิกายน 2551 ก็คือ แจกเสื้อยืดฟรีหนึ่งตัว
- การสั่งสินค้าจาก Apple Store นั้น ผู้ซื้อสามารถ “สลักชื่อ” ลงบนไอพ็อดได้ฟรี (ถ้าสั่งกับ Apple Store ในสหรัฐฯ สินค้าจะถูกส่งจากเสิ่นเจิ้น ; แต่สั่งผ่านไทย อันนี้ไม่แน่ใจครับ อาจเป็นสิงคโปร์ก็ได้)
- มีราคาพิเศษสำหรับนักเรียน นักศึกษา และคุณครู โดยสามารถซื้อแมคบุ๊ก แมคมินิ ไอแม็ค และแมคโปร ได้ในราคาที่ประหยัดกว่าท้องตลาดทั่วไป เช่น แมคบุ๊คเริ่มที่ 35,900 บาท แมคบุ๊คแอร์เริ่มที่ 62,900 บาท เป็นต้น ดูรายละเอียดได้ที่ http://store.apple.com/th-k12
- ซื้อสินค้าใน Apple Store ครบ 2,000 บาท .. จัดส่งสินค้าฟรี!!
- บรรดาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็มีให้เลือกซื้อกันถ้วนหน้าแล้วครับ ราคาประหยัดกว่าพอควร
- ระยะเวลาเริ่มจัดส่งสินค้าอยู่ที่ประมาณ 1-2 วันทำการ บวกเวลาจัดส่งอีก 3-5 วันทำการ (ก็พอๆ กับสั่งผ่าน Apple Store ในสหรัฐฯ)
- หน้าเว็บสำหรับสั่งซื้อสินค้า รู้จักชื่ออำเภอต่างๆ ในประเทศไทยด้วยครับ (ต้องสะกดให้เหมือนกับ แอปเปิ้ล ด้วย สะกดผิด ต้องกรอกใหม่ !!)
- มีสินค้าที่เป็น RED Product รุ่นพิเศษสีแดงจำหน่ายด้วย จากเดิมที่เคยเป็นของหายากในบ้านเรา
- เป็น Apple Store ที่อิงตามของสิงคโปร์ .. เรียกว่ายังไม่เห็นความสำคัญของตลาดเมืองไทยเท่าไร ว่างั้น!!
- ราคาสินค้าสูงกว่าที่สหรัฐฯ พอสมควร .. เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง !!
ที่สำคัญการเปิดตัว Apple Store และข่าวเรื่องไอโฟนครั้งนี้ ทำให้ความคิดเดิมที่จะซื้อโปรสัญญาทาส 18 เดือนของทรูมูฟ เพื่อรับฟรี Acer Aspire One A150 นั้น ถูกล้มเลิกไป เพราะอาจต้องเตรียมเงินเอาไว้ทำสัญญาทาสครั้งใหญ่กับแอปเปิ้ลเพื่อแลกเอา ไอโฟนทรีจี มาครอง!!
อ้างอิง: Manager Online ; Apple Store Thailand
ล่าสุดท้าย DTAC ออกมาให้ข่าวว่า ทาง AIS หรือ DTAC เองก็สามารถทำสัญญานำเข้า iPhone ได้เหมือนกันนั่นแหละครับ เพียงแต่สัญญาของ Apple นั้นค่อนข้างจะโหดร้ายไปนิดหนึ่ง และยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ กล่าวคือ ต้องขายเครื่องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และต้องขายให้ได้ 3-4 แสนเครื่องภายใน 1 ปี อีกทั้งต้องโอนเงินมัดจำไปก่อนให้ Apple อีก 2.6 พันล้านบาท ทาง AIS, DTAC เลยขอบายก่อนสู้ไม่ไหว และตอนนี้ก็กำลังคุย ๆ กันอยู่ครับ
ฟังดู ๆ แล้วรู้สึกว่า Apple มันเอาเปรียบชะมัดเลยแฮะ
K. เอ:
เห็นด้วยครับ ผมไม่ชอบแอปเปิ้ลก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกัน
ดูๆ ไปแล้วธุรกิจต่างๆ ก็เหมือนกันหมดครับ ใครมีอำนาจ ก็บีบอีกฝ่ายให้ตายกันไปข้างนึง
แอปเปิ้ล ไมโครซอฟท์ และอีกหลายๆ บริษัท .. เหมือนกันหมด
อีกข้อที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับแอปเปิ้ลคือ ระบบมันปิดครับ ไม่มีอิสระ ทุกอย่างต้องแอปเปิ้ลหมด เช่น โยนไฟล์เข้าไอพ็อดก็ต้องใช้ iTunes .. ซึ่งสุดจะช้า น่ารำคาญ อะไรประมาณนี้ ยังไม่รวมปัญหาเรื่องฮาร์ดแวร์อีกมากมาย
บ่นอีกแล้ว ..
iTune น่ะใช้ดีนะครับ ไม่ช้า ไม่น่ารำคาญด้วย
ส่วนระบบปิดระบบเปิดนั้น ไม่มีความเห็นครับ แค่มาแย้งว่า iTune ใช้ดีสุดๆ ครับ
เพลงในเครื่องเป็นระบบระเบียบขึ้นเยอะ จะค้นหาก็ง่ายดาย
K. Nut:
สำหรับเครื่องใหม่ใช้ดีครับ .. แต่สำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นเก่าที่ผมใช้อยู่ มันมีแรมแค่ 512MB ไม่ไหวครับ อืดแบบสุดๆ ทั้งที่ฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่แล้ว ลงเป็นโปรแกรมแรกๆ ก็ยังไม่ไหว
ฟังเพลงผมใช้ WinAmp ครับ ดูวิดีโอผมใช้ KMPlayer ..
ถ้าเครื่อง K. Nut เปิด iTunes ได้เร็วล่ะก็ รับรองว่าเปิด KMPlayer ได้ติดจรวดแน่นอน
ส่วนเรื่องความเป็นระเบียบนั้น ยอมรับครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
แต่พอดีผมเองเก็บเพลงแยกเป็นโฟลเดอร์เอาเองอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องการ
แค่อยากให้เปิดโอกาสให้เราเลือกใช้อะไรก็ได้ตามที่ผู้ใช้อยากใช้ ก็แค่นั้นครับ เช่น โยนเพลงเข้า iPod ก็ไม่อยากเสียเวลาเปิด iTunes .. แบบว่าโยนเพลงเข้าไปเลยเหมือนเครื่องเล่นเพลงอื่นๆ
iTunes ดีจะตายครับ มันทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าที่หลายๆ คนจะคิดได้ ทั้งจัดระเบียบ ลิ้งค์กับโปรแกรมอื่นๆ (ถ้าคุณใช้แมค จะยิ่งชอบ iTunes) สำหรับบน PC แล้ว คุณได้ใช้เพียง 1 ในโปรแกรมที่สุดยอดของแมคเท่านั้น ยังมี iMovie,iPhoto และอื่นๆ บน Mac ที่มันสามารถทำงานร่วมกันกับ iTunes ได้
เอ่อ ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยคือ การที่ใช้งานกับเครื่องเก่าของคุณ Nut แล้วช้า ไม่ได้หมายความว่า iTunes ไม่ดีนะครับ การเขียนแบบไม่ให้รายละเอียด จะทำให้ท่านอื่นๆ เข้าใจผิดได้ และการใช้ลากไฟล์ลงไปใน MP3 player โดยตรง ก็ไม่ได้หมายความว่าสะดวกแล้วจะดีนะ เมื่อไหร่มีเป็นพันเพลง จะทำอย่างไร จะจัด playlist อย่างไร ปวดหัวแน่นอน…เชื่อมั้ย? ที่สำคัญ การก็อปปี้ตรง มันทำให้คุณละเมิดลิขสิทธิ์เพลงได้ง่ายขึ้น…ซึ่งประเทศแบบอเมริกา เค้าคิดมาแล้วครับว่ามันไม่เหมาะ…
K. hushpp:
iTunes ทำงานได้ดีในหลายๆ อย่าง อันนี้ยอมรับครับ แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่า ทุกคนจะต้องชอบ iTunes ทั้งหมด ลองอ่านรีวิวเมืองนอกดูก็แล้วกันครับ มีทั้งพวกรักแอปเปิ้ลแบบจริงใจ แบบโอเวอร์ และพวกที่เกลียดแอปเปิ้ลเข้ากระดูก .. แต่ทั้งนี้ก็ต่างคนต่างความคิด ความชอบไม่เอามาคุยกัน
กรณีของผม .. ผมระบุไว้ว่า “โยนไฟล์เข้าไอพ็อดก็ต้องใช้ iTunes .. ซึ่งสุดจะช้า น่ารำคาญ” ความหมายตรงตัว ไม่ต้องแปลครับ เพราะในเมื่อ iTunes ต้องแปลงไฟล์ก่อนโยนเข้า iPod นั่นย่อมทำให้ทำงานช้ากว่าโปรแกรมตัวอื่นๆ
สำหรับผมการลากไฟล์ลงเครื่องเล่นเพลงโดยตรง .. สะดวกดีแล้วครับ ไม่ต้องการวิธีอื่น และผมก็บริโภคเพลงอย่างพอเพียง .. playlist ไม่ปวดหัว เพราะฟังทีละแค่ร้อยเพลงก็ฟังไม่หมดแล้ว
ส่วนที่คุณบอกว่า “การก๊อปปี้ตรง มันทำให้คุณละเมิดลิขสิทธิ์เพลงได้ง่ายขึ้น .. ซึ่งประเทศแบบอเมริกา เค้าคิดมาแล้วครับว่ามันไม่เหมาะ”
ประโยคที่ว่า “ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง” .. ดังนี้:
- เครื่องเล่นเพลงอันดับสองของอเมริกาอย่าง Sansa ก็ไม่ได้มีกระบวนการซับซ้อนเช่นนี้ เช่นเดียวกับเครื่องเล่นเพลงอื่นๆ
- แอปเปิ้ลโดนฟ้องไม่รู้กี่ครั้ง เกี่ยวกับนโยบายการปิดกั้นของ iTunes และ iPod และคนที่ฟ้องก็คือบรรดาค่ายเพลงและผู้ผลิตเครื่องเล่นเพลง รวมไปถึงผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ
- ที่สำคัญ Steve Jobs ของแอปเปิ้ล เคยระบุไว้ว่า เขาพร้อมที่จะปลดล็อกเพลงทุกเพลง เพราะเขาเองก็มีความคิดไม่เห็นด้วยกับ DRM และนั่นทำให้เพลงจำนวนหนึ่ง ณ วันนี้ ถูกจำหน่ายในลักษณะไม่มีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ .. แน่นอนว่าแนวโน้มด้านอุตสาหกรรมเพลงออนไลน์ในสหรัฐฯ ก็พุ่งไปทางนี้ ลองเช็กข้อมูลดูละกันครับ
- ฉะนั้นในเมื่อเพลงออนไลน์ยุคใหม่ถูกหรือจะถูกจำหน่ายในลักษณะไฟล์ MP3 ที่ไม่มีการป้องกันการก๊อปปี้อีกต่อไป .. แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราต้องเสียเวลาแปลงไฟล์ MP3 ที่มีอยู่ให้เป็นฟอร์แมตเฉพาะระบบปิดของ แอปเปิ้ล ??
อยากจะทราบโดยละเอียด แนะนำศึกษาวงการเพลงออนไลน์ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาครับ และคึกคักมากในช่วง 2-3 ปีหลัง
กำลังจะซื้อจากต่างประเทศ ราคาอยู่ที่ 18500 บาทสำหรับ 8G ขอคำแนะนำว่าควรรอหรือควรซื้อเลยคะ
ตอนนี้ใช้ DTAC อยู่ค่ะ เปลี่ยนเบอร์ไม่ได้ด้วยค่ะ
ขอคำแนะนำด่วนๆนะคะ
K. just dream:
ซื้อมือถือไม่ต้องคิดมากครับ ซื้อก่อนใช้ก่อน ราคาไม่หนีกัน ขาดแค่เรื่องบริการ แต่เดี๋ยวนี้มาบุญครองซ่อมได้เกือบทุกอาการ ซื้อไปเลยก็ได้ครับ
โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะ 16G สีขาว
จัดไป
สรุป ดีแทค และ เอไอเอส ว่าจะเอาเข้ามาด้วยเปล่าเนี่ย ตอนนี้อ่านแล้วยังงงมาก
เพิ่งสั่ง iPod nano Red Product ไป ของส่งมาจากเสิ่นเจิ้นครับ ของค้างอยู่หลายวัน ช่วงปิดสนามบินนั่นล่ะ นำส่งโดย DHL ครับ อีกสัปดาห์ต่อมาก็ได้เสื้อยืดส่งมาเป็นของขวัญอีกตัว