Mar 09

แบบว่าโชคดีสุดๆ เพราะสามวันก่อนกำหนดการเดินทาง
เท้าของผมดันโดนประตูกระจกเลื่อนหลุดใส่หัวแม่โป้งเท้าซ้าย
เข้าโรงพยาบาลเย็บไป 4-5 เข็ม .. หมอสั่งห้ามโดนน้ำโดยเด็ดขาด

ทีแรกไม่เชื่อเท่าไร .. เลยปรึกษาแพทย์คนอื่นหา second opinion
สรุปแล้วทุกคนว่าไว้เหมือนกัน .. ก็เลยปลงครับ

ทีแรกว่าจะไม่ไปแล้ว .. ไปกระบี่ แต่ไม่ได้เหยียบน้ำทะเล
แต่ด้วยอารมรณ์อยากเห็น “ทะเลแหวก” สถานที่หนึ่งเดียวที่อยากเห็นมากที่สุดในประเทศไทย
ก็เลยไม่ยกเลิกโปรแกรมทัวร์ .. เอาวะ ไปก็ไป!!

(ส่วนภาพทั้งหมด 142 ภาพ .. ดูจากแกลอรี ด้านล่างสุดได้เลยครับ) 

วันแรก:

วันแรกเดินทางท้องฟ้าแจ่มใส หางแดงพาผมบินไปกระบี่ด้วยค่าใช้จ่ายเพียงพันกว่าบาท
รวมค่าธรรมเนียมและค่าน้ำมันแล้ว .. เพราะจองตั๋วตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยโปร 0 บาท
ขอบคุณ “หางแดง” อีกครั้ง ที่ทำให้คนมีงบจำกัดอย่างผม สามารถบินไปบินมาได้อย่างสบายกระเป๋า

ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิถึงกระบี่แบบเลตไปเล็กน้อย ขึ้นเครื่องตรงเวลา แต่ไม่เข้าใจว่า
กว่าจะออกบินได้ทำไมมันนานเหลือเกิน .. ไม่เป็นไร รอได้ครับ

เที่ยวบินนี้เต็มทุกที่นั่ง .. เต็มลำจริงๆ คงเป็นเพราะว่ายังอยู่ในช่วงไฮซีซัน นักท่องเที่ยวก็เลยเยอะเป็นพิเศษ
ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงกระบี่โดยสวัสดิภาพ

สนามบินนานาชาติของกระบี่ .. เล็ก กะทัดรัด และก็เงียบดีครับ มีสายพานลำเลียงกระเป๋าแค่อันเดียวสำหรับในประเทศ
รอกระเป๋าไม่นานมาก จากนั้นก็ออกมาตัดสินใจว่าจะไป “อ่าวนาง” ยังไง

หาข้อมูลมาว่า มีรถประจำทางไปอ่าวนางเหมือนกัน แต่ขี้เกียจแบกกระเป๋า
ถ้าเป็นรถแท็กซี่ก็ 600 บาท ก็เปลืองโดยใช่เหตุ เหลือบไปเห็นบริการรถบัส คิดค่ารถ 150 บาท
สำหรับการไปอ่าวนาง .. ก็เลยเลือกใช้บริการทางนี้แทน (ถ้าเข้าเมืองคิด 80 บาท)

ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมงครับ เหตุผลก็เพราะพี่ท่านต้องจอดส่งผู้โดยสาร
แบบว่าถึงโรงแรมทุกที่ .. ก็ดีนะครับ จอดกันถึงที่พอดี เรียกว่า คุ้มค่ากับเงิน 150 บาท

ถึงโรงแรม Beach Terrace เสร็จ ก็ขนของเข้าห้องพัก .. ได้ห้องที่ชั้น 3 ก็พอมองเห็นวิวทะเลบ้างพอควร
โรงแรมนี้อยู่ปลายหาดอ่าวนาง-นพรัตน์ธารา เลยโค้งสุดหาดอ่าวนางไปนิดนึง เรียกว่าทำเลก็กำลังดี
มีหาดส่วนตัว เดินเล่นได้สบาย .. และก็มีร้านอาหารที่ติดหาดด้วย ซึ่งเท่าที่ผมเช็กดูแล้ว
มีโรงแรมน้อยแห่งครับที่มีห้องอาหารติดหาดแบบนี้
ราคาค่าห้องแบบ Sea View อยู่ที่ 2,400 บาท .. ก็รับได้ครับ
ต้องขอบคุณคุณเคน ผู้จัดการส่วน Front Office ที่ช่วยจองห้องให้
แถมผมเองก็ไม่ได้โอนเงินค่าห้องไปให้ล่วงหน้าอีกต่างหาก เพราะทีแรกไม่แน่ใจว่าจะไปหรือไม่ไปกระบี่
เหตุผลก็อย่างที่เล่าครับ .. ต้องเดินเท้ากระเผกแถมห้ามโดนน้ำอีกต่างหาก มันทรมานสิ้นดี

ช่วงบ่ายแก่ๆ ก็ออกมาเดินแถวหน้าอ่าวนาง มีร้านค้าจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นร้านขายทัวร์ต่างๆ
เพิ่งจะรู้ว่าที่กระบี่มีอะไรให้เที่ยวเยอะมาก ตั้งแต่ทัวร์เกาะ ทัวร์ดำน้ำ ทัวร์คายัค ทัวร์ปีนเขา ทัวร์สระมรกต-น้ำตกร้อน
และก็ซิตี้ทัวร์ .. ยังไม่รวมกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ยิงปืน ตีกอล์ฟ ฯลฯ
เรียกว่า คิดผิดที่มาแค่ 3 วัน 2 คืน ..

เดินอยู่นานเพื่อหาบาราคูดัสตามที่ได้ลายแทงมาจากห้อง Blueplanet นี่ละครับ
และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะราคาทัวร์ 4 เกาะด้วยเรือหางยาวนั้น แค่ 400 บาทเท่านั้นเอง
แถมพอบอกไปว่า เท้าผมเหยียบน้ำทะเลไม่ได้ ..
เค้าก็เสนอสปีดโบ้ทให้ แต่ราคามันแพงกว่าเท่าตัว และด้วยความที่มีงบจำกัด
ก็เลยไม่ได้เลือก

ท้ายสุด ได้โซลูชันทัวร์สี่เกาะแบบเท้าไม่เหยียบน้ำทะเลด้วยวิธี … ??? (เดี๋ยวค่อยเล่าครับ)

ซื้อทัวร์ 4 เกาะ ราคา 400 บาท แล้วก็ซื้อทัวร์วัดถ้ำเสือ-น้ำตกร้อน-สระมรกต
อีก 800 บาท รวมแล้วก็ 1,200 บาท จ่ายเงินสดครับ ถ้าบัตรเครดิตชาร์จอีก 3 เปอร์เซ็นต์
รับใบเสร็จมาเรียบร้อย ก็เดินชมหาดอีกซักครู่นึง ก่อนกลับโรงแรม

หาดที่อ่าวนางผิดคาดพอสมควรครับ ทีแรกนึกว่าจะมีโต๊ะและเตียงผ้าใบเตรียมไว้รอนักท่องเที่ยว
ที่ไหนได้ .. ที่นี่เค้าใช้เสื่อกับผ้าขนหนูปูนอนบนชายหาดกันครับ
ก็ว่าอยากจะลองอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ใส่รองเท้าแตะมา กลัวเท้าเปื้อนทราย และเดี๋ยวทรายมันจะเข้าแผล
ก็เลยต้องทำใจเดินกลับโรงแรม

เดินเลยโรงแรมไปนิดนึงจะมีพวกร้านส้มตำและของทอดครับ
ส้มตำอร่อยมาก ไก่ย่างก็อร่อยแบบสุดๆ .. เรียกว่าห้ามพลาดทีเดียว

เซ็งอย่างหนึ่งตรงที่ ระหว่างกินอย่างเอร็ดอร่อย .. ฝนดันตกลงมาแบบหนักหน่วง
ดูพยากรณ์อากาศและก็ทำใจไว้แล้ว แต่ดันลืมหยิบร่มออกมาจากห้องซะนี่ ..
เรียบร้อยครับ แผลที่นิ้วเท้าผม .. เปียกโชกเต็มที่
เลยต้องรีบกลับโรงแรมเพื่อล้างแผลและพันแผลใหม่

ถึงโรงแรม Beach Terrace ก็ขนโน้ตบุ๊กมานั่งทำงานข้างล่าง
ทีแรกถามแล้วว่า Wi-Fi จะถึงห้องพักมั้ย .. คุณเคน ผู้จัดการบอกว่า กำลังติดตั้งอยู่ แต่เสร็จแน่นอน
ท้ายสุดก็ไม่เสร็จครับ .. แต่ก็ยังดีที่ว่า ที่นี่ Wi-Fi ฟรี .. ที่อื่นที่ผมโทรสอบถาม ส่วนใหญ่ต้องเสียเงินครับ
คิดเป็นชั่วโมงๆ ซึ่งผมเองต้องทำงานกว่า 4-5 ชั่วโมง ก็คงหมดกันหลายร้อยอยู่

เอาเป็นว่าวันแรกก็รีบใช้เวลาที่เหลืออยู่เคลียร์งานที่ค้างให้เสร็จ
วันรุ่งขึ้นจะได้เที่ยวสบายๆ .. รอบๆ โรงแรมมีร้านขายของเยอะครับ
ราคาที่นี่ยุติธรรมมากๆ คือ แพงกว่ากรุงเทพฯ เล็กน้อย แต่ยังห่างไกลจาก
ราคาที่ภูเก็ตแบบเทียบกันไม่ติด

ภูเก็ตนี่มันไม่ใช่เมืองไทยแล้วครับ .. ในความคิดผมนะ
รวมไปถึงคนที่ขายของเกินราคาที่โน่นด้วย .. ผมว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนไทยเหมือนกัน

เอาตัวอย่างง่ายๆ .. รถสามล้อที่กรุงเทพฯ ระยะทางที่ราคา 30 บาท
ที่กระบี่ก็คิดประมาณ 30-40 บาท .. แต่ที่ภูเก็ต แค่วนรถกลับนิดเดียว
มันล่อผม 100 บาท .. ก็เลยบอกไปว่า เดี๋ยวเดินเอาก็ได้พี่ .. พี่รอรับฝรั่งไปก็แล้วกัน
จำได้ว่า ตอนนั้นไม่อยากพูดไทยด้วยเลย เพราะไม่นึกว่า พวกเค้าเป็นคนไทย!!

กระบี่นี่น่าเที่ยวมากกว่าภูเก็ตเหลือหลายครับ ขอย้ำ!!

ส่วนวันแรกก็หมดไปกับการนั่งทำงานอยู่กับโน้ตบุ๊ก เบียร์ และบุหรี่
อ้อ .. ลืมไป มีอีกอย่างคือ สเปรย์กันยุง .. หาซื้อกันที่นั่นได้ครับ ไม่ต้องแบกไป
ยุงเยอะตอนหัวค่ำที่ล็อบบี้ แต่พอดึกหน่อยก็ไม่ค่อยมียุงแล้ว

มื้อดึกเดินออกมาพึ่งพา Burger King ครับ กิน Whopper Junior ไปหนึ่งชิ้น
อิ่มท้อง หนังตาก็เริ่มหย่อน เตรียมขึ้นนอนได้แล้ว

ขึ้นนอน .. นึกว่าจะได้หลับสบาย แต่ดันมีโชคครับ มีโชคให้ได้ย้ายห้องจากชั้นสามขึ้นไปอยู่ชั้นห้า
เพราะว่าดันมีตัวอะไรก็ไม่รู้ยั้วเยี้ยยุ่บยั่บออกมาจากหัวเตียง .. ก็เลยฆ่าตายไปบ้าง แล้วก็คีบใส่ถุงพลาสติก
ไปให้พนักงานที่ล็อบบี้ดู .. ทีแรกย้ายผมลงไปชั้นสอง แต่ตอนหลังย้ายไปชั้น 5 ให้เลย
ก็ขอบคุณคุณเคน ผู้จัดการด้วย ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดี

ส่วนผมเองก็ได้เอาแมลงใส่ถุงไว้ให้ดูต่างหน้า .. ทราบว่าวันรุ่งขึ้นเค้าก็ปิดห้องนั้นพร้อมกับห้องข้างๆ
เพื่อแก้ปัญหาทันที .. ปัญหาเกิดได้ครับ ไม่โกรธ แต่ต้องแก้ปัญหาให้ดีด้วย

เป็นว่ากว่าคืนนั้นจะได้นอน ก็ต้องมานั่งหอบของขึ้นข้างบน และจัดของกันใหม่
แต่ก็นะ .. ดีกว่านอนในสภาพที่มีตัวอะไรไต่หัวเต็มไปหมดระหว่างกำลังหลับสบาย

วันที่สอง:

ตื่นมาเช้าตรู่เพื่อให้ทันกินบุฟเฟต์ ซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไรกินเท่าไร
เลือกกินข้าวกับผัดเปรี้ยวหวาน .. ก็พอไหวครับ
เสร็จแล้วก็รีบมารอที่ล็อบบี้ เพราะเดี๋ยวจะมีรถมารับไปทัวร์ 4 เกาะ

รถจากบาราคูดัสมาตรงเวลาดีครับ คือ 9:00 น.
เป็นรถสองแถว .. ความจริงไม่ต้องมารับก็ได้ เพราะโรงแรมที่ผมอยู่กับที่จอดเรือหางยาว
มันอยู่กันไม่ไกลมาก เดินไปก็ไหว .. แต่นะ เช้าๆ ขี้เกียจเดิน เท้ายิ่งเจ็บอยู่ด้วย
ก็เลยใช้บริการรถฟรี ..

ไปถึงเห็นเรือแล้วก็ตกใจครับ เป็นเรือประมงที่ดัดแปลงมาทำเป็นเรือหางยาว
เค้าว่าว่าเป็นเรือหางยาวลำใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็น่าจะอย่างนั้นครับ

วันนั้นมีลูกทัวร์ทั้งหมด 40 กว่าคน ก็นั่งกันสบายๆ ในขณะที่เรือหางยาวทั่วไป นั่งกันแค่ 10 คน
เรือก็แทบจะล่มแล้ว .. แต่ลูกเรือบอกว่า เวลาช่วงพีคจริงๆ เรือลำนี้รับได้ 100 คน .. อันนี้ผมว่า
อันตรายมากครับ 50 คนนั่งด้านล่าง อีก 50 คนนั่งบนดาดฟ้าเรือ อันตรายจริงๆ

พอเห็นเรือ ปัญหาก็เริ่มเกิด .. มองหา “น้องเดียว” หนุ่มผิวดำร่างใหญ่ที่เมื่อวานคุยเอาไว้ว่า
จะช่วยรับภาระหน้าที่ในการ “แบก” ผมขึ้นและลงเรือ ..
ทีแรกนึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว .. ท้ายสุดก็เป็นไปตามคำมั่นครับ
แต่ผมได้ขึ้นเรือเป็นคนสุดท้าย พร้อมด้วยสายตาทุกคู่ที่จดจ้องมองมาว่า
มรึงเป็นอะไรเนี่ย ถึงใส่รองเท้าผ้าใบมาเที่ยวทะเล แถมยังมีคนอุ้มขึ้นเรืออีกต่างหาก

ก็พยายามไม่มองคนอื่นครับ ทริปนี้มีแต่ฝรั่ง .. มีจีนปนมาบ้างเล็กน้อย และก็มีคนไทยอยู่ 4 คน

จุดแรกที่เรือแวะไปก็คือ ไร่เลย์ครับ .. สถานที่ที่ซึ่งหลายคนบอกว่า มากระบี่ต้องแวะมา
ครับ .. ผมได้แวะมาแล้ว แต่เป็นการแวะมาแบบนอกโปรแกรม คือ เรือเค้าแวะมารับลูกทัวร์อีกสองคนที่นี่

ถัดจากไร่เลย์ก็ไปที่เกาะปอดะเป็นจุดแรก .. มีน้องเดียวอุ้มผมลงเรืออย่างปลอดภัย
ชายหาดที่นี่สวยดีครับ น้ำใส มีปลาว่ายกันตั้งแต่ชายฝั่งเลยทีเดียว โยนขนมปังลงไปในทะเล
จะมีฝูงปลาว่ายกันมาตอดกันแบบว่า เพียบครับ!!
ฉะนั้น ขนมปัง นี่ห้ามลืมเด็ดขาด

ส่วนผมเองก็ปูเสื่อ (เช่ามาจากบาราคูดัส ราคา 30 บาท) แล้วก็นอนใต้ต้นไม้ไม่ไกลมากจากจุดจอดเรือ
ขณะที่คนอื่นๆ เดินไปชายหาดอีกด้านหนึ่งเพื่อเล่นน้ำ ซึ่งระยะทางก็ไกลพอดู
เราจอดเรือที่นี่กันประมาณ 1 ชั่วโมงครับ .. ก็ได้นอนอาบแดดและมองทะเลให้พอสบายใจ

ครบกำหนดเวลาขึ้นเรือ ก็ได้น้องเดียวมาช่วยอุ้ม แต่คราวนี้คลื่นมันแรง ระหว่างที่ขาเหยียบบันได
น้ำก็ซัดมาพอดี .. ก็เรียบร้อยครับ รองเท้าผ้าใบผมเปียกโชก

รีบถอดออกมาแล้วก็เก็บรองเท้าผ้าใบ จากนั้นก็เช็ดแผลให้แห้ง .. จริงๆ พกน้ำเกลือไปด้วย แต่ขี้เกียจราดทำแผล
แค่นี้ก็อายคนอื่นจะตายอยู่แล้ว .. เพราะรองเท้าคู่ต่อไปที่ผมหยิบออกมาจากกระเป๋าก็คือ “รองเท้าบูท” ครับ

ใช่แล้วครับ รองเท้าบูทที่ทำจากยาง เหมือนกับที่เค้าใช้ทำสวน .. !!
ก็มันอยากเที่ยวนี่หว่า .. พยายามสุดฤทธิ์จริงๆ

ออกจากปอดะ ก็ผ่านเกาะไก่ แวะถ่ายรูปกันแป๊บนึง แล้วไปดำน้ำที่เกาะสี่ครับ
ที่นี่สวยมาก มองลงไปจากเรือ เห็นใต้น้ำได้สบายๆ น้ำใส และก็มีปลาเต็มไปหมด
ผมเองลงน้ำไม่ได้เช่นเคย ก็ได้แต่โยนขนมปังให้ปลามันกินกันอย่างเพลิดเพลิน
จุดบุหรี่สูบไปตัวสองตัว .. อ๊ะ อ๊ะ ไม่ได้ทิ้งขี้บุหรี่ในทะเลนะครับ
พกถุงพลาสติกมาด้วย .. เอาไว้ใส่ขยะโดยเฉพาะ
ธรรมชาติสวยๆ อย่างนี้ ทำลายไม่ลง

คนอื่นๆ แวะดำน้ำกันที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
สคูบาไดวิ่งที่นี่ก็มีคนมาเยอะเหมือนกัน เพราะปะการังสวยมาก (เค้าว่านะ)
แล้วก็ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นฉลามดำด้วย ..

ระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังดำสน็อกเกิ้ลกันอย่างสนุกสนาน ..
อาแปะในกรุ๊ปทัวร์จีนก็ขากถุยน้ำลายใส่ทะเลอย่างไม่เกรงใจ
ไม่ใช่ครั้งเดียวครับ เอาเป็นว่า นับครั้งไม่ถ้วน จนฝรั่งต้องบอกว่า disgusting
เห็นแล้วไม่กล้าอ้าปากในน้ำทะเลเลย ..

ครบกำหนดเวลา ลูกทัวร์ขึ้นเรือหมดแล้ว ..
แต่ .. นายท้ายเรือสองคน กับนายเดียว ที่ช่วยแบกผม .. หายไปครับ!!
ทำเอาตกใจกันยกใหญ่ เพราะลูกเรืออีกสองคนก็กลัวว่าใครจะเป็นอะไรไป เพราะหายไปแบบผิดปกติ
ดีที่ว่าซักพักทั้งสามคนว่ายน้ำกันกลับมาอย่างปลอดภัย

จุดต่อไปที่แวะพักทานอาหารกลางวัน .. ข้าวกล่องครับ พร้อมน้ำดื่มฟรี
ก็คือที่ ทะเลแหวก .. เสียดายที่บาราคูดัสดันพามาทะเลแหวกตอนบ่าย
ถามได้ความมาว่า มันแหวกกันตอนเช้า .. แต่ก็โอเคครับ บรรยากาศของทะเลแหวก
ที่แหวกไม่เต็มที่ ก็ยังนับว่าสวยงามคุ้มค่าที่ได้เห็น

ส่วนผมเองก็ปูเสื่อนั่งกินข้าวข้างๆ แอ่งน้ำทะเลธรรมชาติ ที่น้ำใสมากๆๆๆๆๆ
มีปลาว่ายไปมาเต็มไปหมด เห็นแล้วอิจฉาคนที่ได้เล่นน้ำทะเลที่สุด

ถัดจากทะเลแหวก ก็ไปปิดท้ายโปรแกรมทัวร์ที่หาดถ้ำพระนาง
ที่นี่มีฝรั่งมานอนอาบแดดกันเยอะครับ บริการริมหาด เช่น นวดเท้า ขายน้ำ ขายเบียร์
มีเดินให้เห็นกันเกลื่อน เรียกว่า เป็นหาดที่ค่อนข้างชุกชุมไปด้วยคน
แต่ก็ไม่จอแจมากเท่าไร ..

ได้มีโอกาสแวะเรือหางยาวที่ดัดแปลงมาเป็นเรือขายของ ..
ข้าวโพดปิ้งไม้ใหญ่ .. 50 บาท!!

เอาวะ ตัดใจซื้อกินซักไม้ ทั้งๆ ที่เสียดายเงินเหลือเกิน
ส่วนเครื่องดื่มต่างๆ นั้นราคาไม่แพงเท่าไรครับ พอรับไหว

แวะพักที่หาดถ้ำพระนางประมาณชั่วโมงนึงครับ
ก็ได้ไหว้ศาลถ้ำพระนางที่เต็มไปด้วยปลัดขลิก .. (ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอันใด)
จากนั้นก็ใช้ทางเดินเท้าเพื่อผ่านไปยังไร่เลย์ตะวันออก

เห็นแล้วก็ผิดหวังเต็มที่ เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ไร่เลย์ตะวันออกนั้นเป็นป่าชายเลน
หาดทรายก็เป็นแบบโคลนๆ หน่อยอ่ะครับ .. แต่ที่ไร่เลย์ตะวันออกนี่จะมีทางเดินทะลุ
ไปไร่เลย์ตะวันตกได้ด้วย ซึ่งฝั่งนั้นจะสวยกว่ามาก .. แต่ผมไม่ได้เดินไป เพราะหมดเวลาแล้ว

กลับมาที่หาดถ้ำพระนางอีกครั้ง ไปดูตรงจุดที่เค้าชอบปีนเขาขึ้นไปชมวิวกัน
จริงๆ ปีนเขาก็เป็นอีกกิจกรรมที่ผมตั้งใจว่าจะมาลองหัดดูที่นี่ .. แต่เสียดายที่นิ้วโป้งเท้าไม่เอื้ออำนวย

จากหาดถ้ำพระนางกลับมาที่อ่าวนาง ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ ..
ให้ทิป น้องเดียว คนเก่งไป 200 บาท .. พร้อมกับคำขอบคุณที่ทำให้ผมได้มาทะเลแหวกสมใจ
โดยที่เท้าไม่ต้องแตะพื้นทะเล เพราะน้องเค้าช่วยอุ้มผมซึ่งน้ำหนักเกือบ 70 กิโลฯ ขึ้นลงเรือ
รวมแล้วกว่า 8 เที่ยว .. ขอบคุณอีกครั้งกับบริการที่ดีจากบาราคุดัส

กลับถึงโรงแรมก็เดินเลยไปซื้อส้มตำไก่ย่างมากินอีกรอบด้วยความติดใจจากเมื่อวานที่กินแล้วไม่สะใจเท่าไร
เพราะฝนดันตกลงมาก็เลยต้องกินแบบรีบๆ .. ครั้งนี้ซื้อมากินที่โรงแรมครับ นั่งกินแบบสบายใจ และก็ชมวิวทะเลไปอย่างเพลินๆ

จากนั้นก็ต้องลงมานั่งทำงานที่ล็อบบี้โรงแรมเหมือนเดิมครับ
นึกว่าจะได้มาพักผ่อน แต่งานดันเข้าซะนี่ปะไร .. เอานะ คิดซะว่า เงินทั้งนั้น!!

ตอนกลางคืนเดินออกมาพึ่งพา 7-Eleven แทนครับสำหรับวันนี้
ก็ได้ข้าวกล่องราคายุติธรรมกลับมากินที่ห้องก่อนนอน .. หลับสบายเหมือนเคย

ปล. ใครไปทัวร์ 4 เกาะ อย่าลืมพกครีมกันแดดและก็ทาไปหนาๆ ด้วยนะครับ เพราะว่า แดดแรงมาก ขนาดผมทาแล้ว ยังผิวไหม้เลย

วันที่สาม:

วันนี้ต้องตื่นเร็วกว่าปกติ ด้วยความงกครับ ..
เหตุผลก็เพราะว่า ทัวร์ที่ซื้อสำหรับไปสระมรกตนั้น สามารถพาเราไปส่งที่สนามบินได้เลย
ก็เลยต้องเช็กเอาต์จากโรงแรมแต่เช้า .. เป็นการประหยัดค่ารถครับ
ดีกว่าต้องกลับมาที่อ่าวนาง แล้วก็ย้อนกลับไปสนามบินอีกรอบ

ฉะนั้นใครอยากไปสระมรกต .. ก็จัดโปรแกรมเป็นวันสุดท้ายได้เลยครับ สะดวกดี ประหยัดด้วย

แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นอีกจนได้ .. ตอนเช็กเอาต์ผมจ่ายด้วยบัตรเครดิต
เครื่องรูดดันมีปัญหาครับ แบบว่า พนักงานบอกว่ารูดแล้วไม่ผ่าน
เปลี่ยนบัตรกี่ใบก็ไม่ผ่าน รูดซ้ำก็ไม่ผ่าน จนต้องเรียกฝ่ายบัญชีออกมาดูและโทรสอบถามศูนย์บริการฯ

ระหว่างนั้นผมก็มองที่ตัวเครื่องรูดบัตรไปด้วย .. ก็เห็นอยู่ว่ามันขึ้นว่า Approved
แต่ใบมันดันไม่พิมพ์ออกมา สรุปว่าเป็นปัญหาที่กระดาษ ..

ใจหายเลยครับ .. พอดีรถจากทัวร์มารับ ก็เลยต้องรีบไปขึ้นรถก่อน
แล้วก็โทรเช็กกับ Call Center … ปรากฏว่า ไอ้ที่รูดไปทุกครั้งนั้น “ผ่านหมด” ครับ
กลายเป็นว่า ค่าห้องพักจาก 4,800 บาท (2 คืน) ผมจ่ายไปทั้งหมด 43,200 บาท
แทบจะเป็นลม .. รีบโทรหาที่โรงแรมเพื่อแจ้งปัญหา ทางนั้นก็ช่วยดีนะครับ
แต่บอกว่า ต้องรอเจ้าของเข้ามาเซ็นชื่อโอนเงินคืน คือ ต้องรออีกประมาณ 3-4 วัน
ยังไม่รวมกระบวนการของทางธนาคารอีก .. ผมบอกว่า รอขนาดนั้นไม่ไหวหรอก
ไม่ใช่ความผิดผมด้วย .. ก็เลยโทรแจ้ง คุณเคน ผู้จัดการ .. ซึ่งก็ช่วยประสานงานได้ดี

สรุปท้ายสุดก็คือ รอแค่ 2 วัน คุณเคนก็โทรมาบอกว่า ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทีนี้ก็เหลือรอธนาคารโอนเงินกลับคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิตของผม .. ซึ่งคงใช้เวลาอีก 2-3 วัน
เดี๋ยวเปิดมาวันจันทร์ที่ 10 นี้ก็รู้กันครับว่าเงินเข้ารึเปล่า

สำหรับทัวร์วันนี้ แวะไป 3 ที่ .. ซื้อจากบาราคูดัส แต่ปรากฏว่าเป็นทัวร์ของ เกาะพีพีทัวร์
ไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อตรง จะได้ราคาถูกกว่า 800 บาทรึเปล่า

คือราคานี้ แวะ 3 ที่ ผมว่ายังสูงไปนิดนึง แต่ถ้าคิดในแง่ความสะดวกสบายแล้วละก็
ผมว่ากำลังใช้ได้ครับ เพราะรถที่นั่งไป เป็นแบบมินิบัส หลังคาสูงโปร่ง แอร์เย็นสบาย
ปกติจะเป็นรถตู้ หรือเห็นบางทัวร์เป็นปิ๊กอัพก็มี .. ขืนได้ปิ๊กอัพละก็ เซ็งแน่เลย

ถ้าคิดในแง่ดีอีกอย่างคือ รถคันนี้จะวนไปส่งสนามบินให้เลย ก็ทำให้ประหยัดไปได้อีกอย่างน้อยๆ
ก็ 150 บาทครับ ถ้าคิดว่านั่งแท็กซี่ ก็จะประหยัดได้ถึง 500-600 บาท ..
ฉะนั้นมองในมุมนี้ นับว่าคุ้มค่ามาก

จุดแรกที่แวะคือ วัดถ้ำเสือ .. ที่ไม่มีเสือซักตัว
แต่มีลิงเต็มวัดครับ เห็นลิงวิ่งราวชิงนมกล่องจากมือเด็กไปเฉยเลย
ที่วัดมีกล้วยน้ำว้าหวีละ 20 บาท เอาไว้ขายให้เลี้ยงลิงด้วย
ลิงพวกนี้กินกล้วยกันเร็วมากครับ .. ซื้อมาหวีนึง แป๊บเดียวก็หมดแล้ว

ทุกอย่างที่นี่ดีหมด .. รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมก็สวยงาม บรรยากาศก็โอเค
ใครมีแรงเดินไหว สามารถเดินขึ้นเขาไปชมวิวได้ด้วย
เสียอย่างเดียวตอนกลับดันเหลือบไปเห็นของขลังรุ่น “รวยลัดฟ้า มาเหนือเมฆ”
แวะเข้าไปดูในแกลอรีรูปภาพเอาละกันนะครับว่ามันคืออะไร .. สลดจริงๆ!!!

จากนั้นก็ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังน้ำตกร้อน
บรรยากาศดีมากครับ น้ำตกที่นี่ร้อนกำลังได้ที่ .. และก็แน่นอนว่า ผมได้แต่นั่งดูอีกแล้ว
ลงน้ำไม่ได้เหมือนเดิม ..

ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติสามารถสร้างแอ่งน้ำที่คล้ายกับจากุชชี่กลางแจ้งแบบเล่นระดับ
เอาไว้ให้มนุษย์อย่างเราได้เพลิดเพลินใจได้ขนาดนี้ ..

อ้อ ในน้ำแร่ที่ว่า มีฟลูออไรด์ด้วยนะครับ เอาไว้ป้องกันฟันผุ 55555

เค้าแนะนำให้แช่กันประมาณ 20 นาทีกำลังดี ไกด์บอกว่า แช่น้ำตกร้อนทำให้อายุอ่อนลงไปอีก 15 ปี
เว่อร์จริงๆ .. ไม่เชื่อครับ แต่เท้าผมนี่ก็เกือบจะก้าวลงบ่อไปซะแล้ว .. โถ อ่อนลงอีก 15 ปี ใครๆ ก็อยากลอง!!

ถัดจากน้ำตกร้อน ก็ถึงไฮไลต์ของวันนี้ ซึ่งก็คือ สระมรกต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกร้อนมากครับ
แต่ระยะทางในการเดินเข้าสระมรกตนั้น .. ทรหด มาก คือ ต้องเดินกันประมาณ 1.4 กิโลเมตร
ดีที่ว่าทางเดินนั้นรื่นรมย์น่าเดิน คือ เดินกันในป่านั่นละครับ บางช่วงเป็นไม้กระดาน บางช่วงทางเดินเป็นตอไม้
ต้องเดินอย่างระมัดระวังดี .. ทำให้เดินไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่เหนื่อยเท่าไร

ก่อนถึงสระมรกต จะเจอสระแก้วก่อน .. แล้วก็ข้ามไปปอยเปตเล่นคาสิโนได้เลย
เฮ้ย!! ไม่ใช่ละ ผิดงานครับ

สระแก้ว เป็นสระน้ำแห่งหนึ่งในบริเวณเดียวกัน ก็เป็นจุดชมวิว ถ่ายภาพ น้ำใสดีครับ มองเห็นใต้น้ำชัดเจน
แต่เทียบกับสระมรกตแล้ว สระมรกตสวยกว่ามาก

บรรยายไม่ถูก แต่มันเหมือนกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ
น้ำใสสะอาดเหมือนว่ายในสระว่ายน้ำโรงแรม พื้นด้านล่างที่ดูสะอาดตา ไม่มีตะไคร่น้ำกวนใจ
เรียกว่าว่ายน้ำกันได้อย่างสบายใจว่างั้นเถอะ

ผมยืนมองอย่างตาละห้อย .. หันกลับมาอีกที เจออาแปะเจ้าเดิมที่ขากถุยใส่ทะเลเมื่อวานนี้
แกพูดไทยได้ครับ ถามผมว่า ค่าเข้าสระมรกตนี่เท่าไร ผมบอกว่า 20 บาท (ทัวร์จ่าย)
และก็ย้ำไปให้แกสบายใจว่า แต่ต่างชาติน่ะ 200 บาทครับผม .. แกทำหน้าเหมือนผิดหวังมากที่ราคามันต่างกัน

อยากจะบอกเหลือเกินว่า .. ก็ไอ้อีก 180 บาทที่ได้เกินมาน่ะ เค้าเอาไว้ขัดล้างคราบเสลดและน้ำลาย
จากปากลื้อไงเล่า .. อาแปะ!!!

จบจากสระมรกต .. รถมินิบัสก็ไปส่งผมที่สนามบิน
เงียบเหงาครับ .. เป็นสนามบินที่เงียบเหงาเหลือเกิน

มันเงียบจนผมคิดว่า นั่งอีกซักพักจะหารถเข้าเมืองไปซื้อของฝากดีกว่า
แต่ก็โชคดีที่ว่า แป๊บเดียว ฝนตกหนักลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา
ถ้าออกไป เท้าผม แผลผม ต้องมีอันเป็นไปอย่างแน่นอน
ก็เลยทำใจนั่งรอเวลาอยู่ที่สนามบินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ

เพราะว่า วันนี้ หางแดง .. ดีเลย์ครับ ดีที่ว่าดีเลย์กันไม่เท่าไร
พอรับไหว

ระหว่างขึ้นเครื่อง ตรงเกตทางออก เหลือบไปเห็นตาชั่งน้ำหนักกระเป๋า
สำหรับชั่งกระเป๋าของคนที่ลากขึ้นเครื่องบินว่าน้ำหนักเกินหรือไม่

.. เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนระหว่างการบินไทย กับโลว์คอสต์แอร์ไลน์อย่าง หางแดง ..

ขำๆ แบบน่าอายครับ .. ไปดูภาพเอาเองก็แล้วกัน

สรุปค่าใช้จ่าย:
ตั๋วเครื่องบินไปกลับด้วยหางแดง = 1,250 บาท
ค่าโรงแรม = 4,800 บาท
ค่าทัวร์ 4 เกาะ = 400 บาท
ค่าทัวร์สระมรกต = 800 บาท
ค่ารถบัสเข้าอ่าวนาง = 150 บาท
ที่เหลือก็ค่ากิน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะครับ ..

สรุปความคุ้มค่า:
โรงแรม Beach Terrace … ผมให้ 7/10 ครับ ถ้าไม่เจอปัญหา กะจะให้ซัก 8.5/10
ทัวร์ 4 เกาะของบาราคูดัส .. อันนี้ให้ 10/10 ครับ คุ้มค่ามากกับราคา 400 บาท
ทัวร์สระมรกต .. ถ้าไม่นับว่าไปส่งสนามบินด้วย ผมให้ 6/10 ครับ แต่ถ้ามองเรื่องบริการที่ดีและรถที่นั่งสบาย
ก็จะให้ซัก 7.5/10 .. และถ้านับว่ามีรถไปส่งสนามบินฟรี ขออนุญาตเพิ่มคะแนนให้เป็น 8.5/10 ครับ

ส่วนใครที่คิดจะไปกระบี่ .. ถ้าไม่อยากเจอค่าใช้จ่ายค่าโรงแรมที่แพงเว่อร์
ก็ไปหน้าโลว์ซีซันก็ได้ คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป
ฝนอาจมีตกบ้างบางวัน ก็ไปเสี่ยงดวงเอา น้ำทะเลอาจจะไม่สวยเท่าหน้าไฮซีซัน
แต่ก็ประหยัดค่าโรงแรมไปได้ครึ่งต่อครึ่งครับ ..

ปล. ภาพถ่ายสำหรับทริปนี้ .. ทั้งหมดถ่ายด้วย Nokia n82 ครับ กล้อง 5 ล้านพิกเซล
ชัดเจนพอไหว เพราะมีออโต้โฟกัสในตัวด้วย ..

ปล. ปล. บางภาพอาจซ้ำกับ sentosa22 ที่โพสต์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง .. ไม่ต้องแปลกใจ เพราะไปทริปเดียวกันครับ
ใช้กล้องตัวเดียวกัน แต่ของผมทำละเอียดกว่า 5555

VN:F [1.9.14_1148]
Rating: 9.0/10 (1 vote cast)
VN:F [1.9.14_1148]
Rating: 0 (from 0 votes)
ทัวร์กระบี่ 3 วัน 2 คืน .. แบบเท้าไม่เหยียบน้ำทะเล!!!, 9.0 out of 10 based on 1 rating

เขียนโดย BLITblog.com \\ คำสำคัญ: , , , , , , , , , , , , , ,

  1. อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที posted the following on March 9, 2008 at 10:11 pm.

    เขียนได้สนุกดีค่ะ เห็นภาพเลย

    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  2. กระต่ายริมธารน้ำ posted the following on March 9, 2008 at 10:38 pm.

    อ่านแล้ว สนุกตามไปด้วยค่ะ แต่เที่ยวทะเลแล้วไม่ได้เหยียบทะเลนี่สิ

    เสียดายแทนเลย ^^ แต่ทางทัวร์เค้าบริการดีจังค่ะ มีแบกๆ อุ้มๆ ด้วย

    คิดว่า คุณ คงต้องไปซ่อมทริป ที่กระบี่ อีกรอบแน่เลย

    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  3. BLITblog.com posted the following on March 10, 2008 at 12:06 am.

    K. อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที: ขอบคุณครับผม ;-)

    K. กระต่ายริมธารน้ำ: เดี๋ยวไปซ่อมแน่นอนครับ เมษายนนี้ .. อีกหนึ่งรอบ แฮ่ม!!

    VN:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VN:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  4. เอ posted the following on March 10, 2008 at 12:56 pm.

    นับได้ว่ามีความพยายามไม่แพ้ใคร หรือมองอีกแง่หนึ่งก็คือเสียดายค่าเครื่องหางแดงหรือเปล่า :p

    ขอบคุณสำหรับคำบรรยายที่สนุก ๆ และภาพประกอบที่ดีครับ

    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  5. BLITblog.com posted the following on March 10, 2008 at 3:30 pm.

    K. เอ ..

    คำตอบคือ “เสียดายค่าเครื่องหางแดง” ครับ ;-)
    รู้ทันเจงเจงงงงงง!!

    VN:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VN:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  6. nanice posted the following on April 23, 2009 at 11:38 am.

    ขอบคุณมากค่ะ กำลังหาเลยว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในกระบี่บ้าง แล้วเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง

    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)
  7. nanice posted the following on April 23, 2009 at 11:46 am.

    เสริมหน่อยค่ะ
    หนูว่าค่าเครื่องไม่แพงนะคะ ถ้าเทียบกับที่ดูค่ารถทัวร์แล้วพอกันเลยอ่ะค่ะ แล้วใช้เวลาเดินทาง 12 ชม.แน่ะ ไปกลับก้อคือเดินทางวันนึงเลยอ่ะ ><

    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0.0/5 (0 votes cast)
    VA:F [1.9.14_1148]
    Rating: 0 (from 0 votes)

Leave a reply


Get Adobe Flash playerPlugin by wpburn.com wordpress themes