BLITblog.com

เงินเก็บเล็กน้อยที่พอมี จะนำไปลงทุนอะไรดี อันนี้ต้องคิดให้ดีครับ

ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3 มกราคม 2551 วิเคราะห์ไว้ว่า อัตราผลตอบแทนการลงทุน
ประเภทต่างๆ ในปี 2551 มีดังนี้

• หุ้นในประเทศ: 16.38% + ปันผล 4-5%
• ตราสารหนี้ในประเทศ: 3.75-5.5% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาลงทุนสั้นหรือยาว
• กองทุนทองคำ: 20%
  
• เงินฝากประจำ: 2.50-2.75%
  
• เงินฝากประจำพิเศษ: 3.00-3.50%
• ทองคำแท่ง: 10%

ต่างกรรมต่างวาระนะครับ โดยเฉพาะทองคำและหุ้น

ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ฝากประจำเอา แต่เค้าว่ามีแววจะติดลบเมื่อหักกับเงินเฟื้อ
กล่าวคือ สินค้าราคาแพงขึ้น เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เราได้รับจากการฝากธนาคาร

ใครสนใจลงทุน ทองคำ กับ หุ้น อยากให้คิดให้ดีๆ

ทองคำ ขึ้นเร็วลงเร็ว ครอบครัวผมประสบมาแล้ว และรอดพ้นมาแล้ว
ขาดทุนไปนิดหน่อย แต่ได้บทเรียนมหาศาล แน่นอนว่ายังไม่ถอดใจ
แต่ศึกษาใหม่อย่างจริงจัง .. ทำให้พ่อผมติดตามเศรษฐกิจทุกวัน
ราคาทองคำทั้งในและต่างประเทศเป็นยังไงนี่ถามได้หมด

หุ้นก็เช่นกัน เมืองไทยมีคนเล่นหุ้นแค่ 0.4% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
คิดง่ายๆ ว่ามีจำนวนผู้ลงทุน (แบบไม่คิดบัญชีซ้ำ) แค่ประมาณ 287,929 คน
อย่างที่หลายคนเคยได้ยิน หุ้นไทยปั่นได้ง่ายตามกระแสเงิน
เงินของกองทุนต่างชาติหลายแห่งสามารถถล่มหุ้นไทยได้สบายๆ
ยังไม่นับรวมบรรดาหุ้นการเมือง .. พรรคไหนขึ้น หุ้นไหนขึ้น หุ้นไหนลง
เล่นหุ้นไทยต้องติดตามการเมืองควบคู่กับเศรษฐกิจโลกไปพร้อมๆ กัน

พูดง่ายครับ แต่ที่ทำยากก็คือ

“ใครจะไปรู้ล่ะวะว่าต้องซื้อตอนไหน ต้องขายตอนไหน
วันนี้หุ้นลง แล้วพรุ่งนี้จะลงต่อรึเปล่า แล้วจะเก็บหุ้นตอนไหน?
วันนี้หุ้นขึ้น แล้วพรุ่งนี้เกิดลง จะซื้อตามดีมั้ย?”

นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้มา ปรัชญาการเล่นหุ้นมีจริง ถ้าไม่เข้าใจก็เจ๊งลูกเดียว
หาอ่านให้เยอะครับ แต่อย่าหวังอะไรมาก เล่นหุ้นเมืองไทย ข่าววงในสำคัญสุด
ถ้าไม่มี ก็ให้คิดซะว่า ถือลงทุนระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี
ไม่มีข้อมูลดี อย่าริทำตัวเป็น Day Trader ซื้อเช้าขายเย็นฟันกำไรเด็ดขาด
เพราะเห็นผูกคอตายกันมานักต่อนักแล้ว

เขียนโดย BLITblog.com \\ คำสำคัญ: การลงทุน, ความเสี่ยง, ดอกเบี้ย, ทองคำ, ธุรกิจภาพรวม, ลงทุน, หุ้น, เงินฝาก